RPA จะมาแทนที่คนและแย่งงานหรือไม่

ใครหลายคนอาจเกิดข้อกังวลว่า Robotic Process Automation (RPA) จะเข้ามาแทนที่และแย่งงานของพวกเขาไป แต่ถึงแม้ว่า RPA จะสามารถทำงานหลายๆส่วนแทนมนุษย์ได้แต่ในการทำงานจริงก็ยังต้องอาศัยมนุษย์อยู่ วันนี้เราจะพาทุกท่านมาทำความเข้าใจข้อดีของการทำงานร่วมกันกับ RPA ให้เข้าใจมากขึ้น ตามมาดูเลย

ข้อดีของการนำ RPA เข้ามาช่วยการทำงานในธุรกิจของคุณ
1. เกิดการเปลี่ยนแปลงบทบาทงาน RPA จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของมนุษย์มากกว่าที่จะเข้ามาแทนที่มนุษย์ทั้งหมด เมื่องานประจำที่มนุษย์เคยทำเปลี่ยนไปเป็นระบบอัตโนมัติ จะช่วยให้พนักงานสามารถโฟกัสกับงานที่สำคัญและต้องใช้ทักษะมากกว่า เช่น งานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ การคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ปัญหา และความฉลาดทางอารมณ์
2. ทำงานให้ฉลาดขึ้น เมื่อเสริมความสามารถระหว่างเทคโลโยลีและมนุษย์เข้าด้วยกันจะยิ่งช่วยให้เกิดการพัฒนา ทำงานได้อย่างฉลาดและก้าวกระโดดขึ้น
3. ทำงานได้รวดเร็วแม่นยำ จากการทำงานของ RPA จะทำให้งานที่ได้รวดเร็วและแม่นยำขึ้นเนื่องจากไม่ต้องพัก อีกทั้งการทำงานของมนุษย์มีโอกาสเกิดข้อผิดพลาดได้จาก Human error ดังนั้นการนำ RPA เข้ามาช่วยจะทำให้งานถูกต้องไม่มีข้อผิดพลาด
4. ช่วยประหยัดต้นทุนได้มากขึ้น ทั้งด้านแรงงานและทรัพยกรอื่นๆ เช่น กระดาษจากการทำเอกสารอันมหาศาลซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นแบบไร้กระดาษได้เมื่อใช้ RPA และประหยัดต้นทุนเวลาเนื่องจาก RPA สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องหยุดพัก ทำงานได้ตลอด 24 ช.ม. ดังนั้นจึงทำงานได้เร็วและปริมาณมากกว่า
5. พนักงานได้พัฒนาอย่างเต็มที่ด้วยการเรียนรู้และศึกษาการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีและได้ใช้เวลาว่างที่เคยต้องทำงานเดิมซ้ำๆ ไปพัฒนาทักษะอื่นๆ นอกจากนี้ยังเพิ่มแรงจูงใจและทำให้พนักงานมีความสุขมากยิ่งขึ้น

RPA จะสามารถทำงานได้ต่อเมื่อมีคนคอยป้อนข้อมูล ออกแบบขั้นตอนการทำงาน และพัฒนาระบบไปเรื่อยๆ และมีงานอื่นๆ ที่ต้องอาศัยมนุษย์ ซึ่ง RPA เพียงเข้ามาช่วยลดงานที่ไม่จำเป็น ต้องใช้เวลาในการทำงานและมีปริมาณมาก ในส่วนของงานที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะ ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และมีความซับซ้อน ยังคงเป็นงานที่ขาดมนุษย์ไปไม่ได้ ดังนั้นการนำ RPA ไปใช้อย่างถูกต้องในองค์กรไม่ต้องกังวลเลยว่าจะเข้าไปทดแทนมนุษย์ เพราะ RPA เข้ามาสร้างประโยชน์และช่วยงานมนุษย์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น